การท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในเมียนมาร์ มักจะเริ่มต้นและสิ้นสุดที่มัณฑะเลย์ ย่างกุ้ง และพุกาม ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสามอันดับที่ต้องชมของประเทศ ถ้าต้องการสิ่งที่แตกต่างออกไปเพื่อเก็บภาพความทรงจำไว้ในอินสตาแกรม แนะนำให้ไปยังทะเลสาบอินเล ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมงจากตัวเมืองมัณฑะเลย์ น้ำในทะเลสาบมีสีเขียวราวกับมรกตนั้น มักจะตรึงตาและสะกดใจผู้พบเห็นเสมอมา ทะเลสาบถูกโอบล้อมด้วยภูเขาที่หนาทึบและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หลากหลายสายพันธุ์อีกด้วย

ความเป็นมาของทะเลสาบอินเล

ทะเลสาบอินเลเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนนับหมื่นที่สร้างระบบนิเวศแบบพึ่งพาตนเอง จึงเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมหลากหลายที่เกิดขึ้นในทะเลสาบแห่งนี้ ครอบครัวได้อาศัย เติบโต และวิวัฒนาการไปพร้อมกับทะเลสาบ นับเป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและน่าค้นหา

ในเชิงภูมิศาสตร์นั้น ทะเลสาบอินเลเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเมียนมาร์ มีพื้นที่ครอบคลุม 72 ตารางกิโลเมตร ระดับน้ำจะสูงขึ้นในช่วงฤดูฝน และจะลดลงค่อนข้างต่ำในช่วงฤดูแล้ง นอกจากนี้ ทะเลสาบอินเลยังถูกจัดเป็นทะเลสาบอันดับหนึ่งของเมียนมาร์ที่รับรองโดยองค์การยูเนสโกในการเป็นเขตสงวนพันธุ์สัตว์โลก แม้ว่าทะเลสาบจะมีขนาดไม่ใหญ่นักแต่กลับเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เฉพาะถิ่นมากมายหลายชนิด รวมทั้งปลา 9 สายพันธุ์ ซึ่งไม่สามารถพบเห็นได้ที่ใดในโลก  รวมถึงหอยทากมากกว่า 20 สายพันธุ์ ในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม นกนางนวลประมาณ 20,000 ตัวจะอพยพมาอาศัยอยู่บริเวณทะเลสาบอินเลอีกด้วย

ชีวิตในทะเลสาบ

ทะเลสาบอินเลเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนประมาณ 70,000 กว่าคน ที่อาศัยอยู่โดยรอบตามแนวชายฝั่งทะเลสาบ มีเมืองหลักอยู่สี่เมืองและหมู่บ้านเล็ก ๆ อีกหลายแห่งที่อยู่ติดกับทะเลสาบ ล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาทะเลสาบเพื่อการดำรงชีวิตทั้งสิ้น เมื่อได้เรียนรู้กฎระเบียบทางสังคมที่ชาวบ้านกำหนดขึ้น และวิธีการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่มากมายของทะเลสาบเพื่อการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนนั้นน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง

มีหมู่บ้านลอยน้ำอยู่หลายแห่งด้วยกันในทะเลสาบแห่งนี้ และหมู่บ้านเหล่านี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่แสนวิเศษซึ่งสามารถพบเห็นได้ในทะเลสาบอินเลเท่านั้น ผู้คนที่นี่สัญจรไปมาโดยเรือแทนรถยนต์ ดังนั้นการเดินทางจึงใช้เรือเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะไปตลาด ตกปลา ทำงานประจำวัน เยี่ยมญาติหรือเดินทางเพื่อติดต่อหมู่บ้านใกล้เคียง การจราจรทางน้ำจึงหนาแน่นมาก จนบางครั้งถึงกับมีเรือติดทางน้ำด้วย ภาพที่พบเห็นจะสร้างความประหลาดใจถ้าได้มาเห็นด้วยตาตนเอง การเดินทางโดยเรือดูจะเป็นเรื่องง่ายดายของผู้คนที่นี่ แม้ว่าจะมีเรือเป็นจำนวนมากจนเกือบล้นทะเลสาบก็ตาม

ที่นี่จึงนับได้ว่าเป็นแหล่งของนวัตกรรมทางน้ำที่ยอดเยี่ยมแห่งหนึ่ง ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้วว่า ผู้คนที่นี่พึ่งพาทะเลสาบเพื่อการดำรงชีวิต มีการสร้างฟาร์มลอยน้ำลักษณะเป็นสันดอนริมน้ำยึดเกี่ยวด้วยไม้ไผ่และส่วนผสมที่ทำจากโคลนและต้นกก ระดับน้ำของฟาร์มเหล่านี้มีขึ้นลงตามฤดูกาล อย่างไรก็ตาม การดูแลรักษาฟาร์มลอยน้ำเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เนื่องจากต้องใช้แรงงานคนเป็นจำนวนมาก เพื่อให้ผลลิตงอกงาม น้ำที่นี่อุดมไปด้วยแร่ธาตุอาหารที่จำเป็นและอุดมสมบูรณ์แก่พืช มีการปลูกผักหลากหลายชนิดด้วยกัน เช่น มะเขือม่วง ฟักทอง และถั่วฝักยาว เป็นต้น

ทะเลสาบอินเลยังมีชื่อเสียงเรื่องตลาดน้ำ ในแต่ละวันจะมีผู้คนทั้งจากในทะเลสาบและจากบนบกพากันมาเพื่อค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้า ที่นี่สามารถหาซื้อทุกสิ่งทุกอย่างได้ตั้งแต่ผักสดไปจนถึงเครื่องประดับเงิน เครื่องปรุงอาหาร หรือแม้แต่ปุ๋ยหมักที่มีให้เลือกมากมาย บ่อยครั้งมักจะเห็นเกษตรกรทำงานในที่ดินของพวกเขาท่ามกลางความโกลาหลของตลาด

นอกจากตลาดน้ำแล้ว ทะเลสาปแห่งนี้นับว่ามีชื่อเสียงเรื่องของตลาดนัดลอยน้ำ  โดยจะมีหมุนเวียนไปตามห้าหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบแห่งนี้

ชาวประมงในทะเลสาบอินเลตกปลาโดยใช้เทคนิคการพายเรือขาเดียวที่โดดเด่นด้วยความชำนาญอย่างมาก จะไม่พบเห็นการฝึกฝนเช่นนี้จากที่อื่นมากนัก การพายเรือด้วยขาเดียวนี้เริ่มต้นขึ้นในศตวรรษที่ 12 เมื่อชาวประมงต้องยืนพายเรือเพื่อมองหาปลาที่จะจับขณะที่จะต้องพายเรือผ่านต้นกกไปด้วย พวกเขาจึงต้องยืนด้วยขาข้างหนึ่งและล็อคขาอีกข้างหนึ่งไว้ด้วยไม้พาย ขาข้างเดียวกันที่ล็อคด้วยไม้พายนี้ จะพายเรือไปข้างหน้าและบังคับเรือ เป็นการพายเรือที่แปลกตา ทำให้ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้มาเยือนทะเลสาบ

พบเห็นสิ่งแปลกใหม่

ทะเลสาบอินเลแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ที่หล่อเลี้ยงผู้คนในหมู่บ้านเล็ก ๆ หลายแห่งที่รายล้อมทะเลสาบ นับเป็นสถานที่ที่สำคัญต่อชีวิตของผู้คนในท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่นี่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความทันสมัยได้เป็นอย่างดีตามธรรมชาติ หมู่บ้านอินเดียเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงเนื่องจากเป็นหนึ่งในที่ตั้งของตลาดนัดลอยน้ำ และเป็นที่ตั้งของสถานที่เคารพสักการะบูชาของกลุ่มเจดีย์โบราณที่ถูกรวบรวมกันไว้เป็นกลุ่ม ตัวอย่างเช่น เจดีย์ชเวอินเท็นและเจดีย์เนียงโอ้ก เป็นต้น เจดีย์ชเวอินเท็น ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล ประกอบด้วยเจดีย์ลูกหลายร้อยองค์ที่มีพระพุทธรูปอินเท็นประทับอยู่ตรงกลาง ส่วนเจดีย์เนียงโอ้กเป็นสิ่งก่อสร้างอันเก่าแก่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และตั้งอยู่ในหมู่บ้านกลางป่าที่ดูเหลือเชื่อจากความเป็นไปได้ สถานที่แห่งนี้ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามด้วยประติมากรรมของเทวดาและสัตว์ในตำนานที่ถูกแกะสลักไว้ตามผนังเจดีย์ แม้แต่มุมมืดยังสร้างความรู้สึกหวาดหวั่นแก่ผู้พบเห็นในตอนกลางวัน

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบและรักแมว จะสนใจบ้านแมวที่ผสมพันธุ์แมวพันธุ์แท้ของเมียนมาร์อย่างแน่นอน แมวเหล่านี้กำลังเผชิญปัญหาจากการสูญพันธุ์จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีมานี้ บ้านแมวในทะเลสาบอินเลได้เริ่มดำเนินโครงการอนุรักษ์เพื่อรักษาแมวสายพันธุ์แท้ ผู้คนสามารถแวะมาเล่นกับแมวน่ารักเหล่านี้ได้ พวกมันชอบออกกำลังกายเป็นครั้งคราว ที่นี่จึงเป็นสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนรักแมว!

ความยอดเยี่ยมของธรรมชาติ

การท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่าง ๆ ของทะเลสาบอินเล อย่างเช่น เนินเขาสวยงามที่มีหลายเส้นทางให้เพลิดเพลินกับการเดินป่าที่ร่มรื่น บ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ห่างจากทะเลสาบเพียง 45 นาทีห่างไกลจากผู้คนให้บรรยากาศอันเงียบสงบ การเดินท่องเที่ยวอย่างสบาย ๆ รอบทะเลสาบ ทำให้รู้สึกราวกับว่าเดินอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามอย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวยังสามารถเช่าจักรยานเพื่อขับขี่ชมทิวทัศน์ของทะเลสาบได้อีกด้วย

ทะเลสาบอินเลไม่ได้เป็นเพียงทะเลสาบเท่านั้น แต่ยังเป็นวิถีชีวิตที่คนส่วนใหญ่โหยหา การผสมผสานของหมู่บ้าน ลำห้วย ฟาร์ม ขุนเขา โรงงานช่างฝีมือ และชาวบ้านในหมู่บ้าน ทะเลสาบอินเลจึงเหนือความคาดหมายของนักท่องเที่ยวทำให้เกิดความรู้สึกน่าหลงใหลให้กับคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ให้อยากจะกลับเยือนมาอีกครั้ง